วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556

ตู้แอมป์: Amplifer(ตู้แอมป์กีต้าร์1)

Amplifier (ตู้แอมป์) หมาย ถึง เรื่องของภาคขยายให้สัญญาณแรงขึ้นให้เพียงพอที่จะขับเสียงของลำโพงได้ การขายสัญญาณจะแบ่งเป็นสองช่วงคือ การขยายสัญญาณอ่อน เรียกว่า Pre-Amplifier ส่วนนี้จะขยายสัญญาณให้แรงขึ้นมาระดับหนึ่งก่อนที่จะป้อนเข้าภาคขยายตัวจริง คือเพาเวอร์แอมป์ และเมื่อในสองส่วนนี้มารวมกันในตัวเดียวกันเราเรียกว่า Integrated – Amplifier

ขนาดของตู้แอมป์กีต้าร์
คือ ตู้แอมป์ที่ออกแบบมาสำหรับกีตาร์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ มีขนาด 2-3 ขนาดแล้วแต่การนำไปใช้งาน ความต่างในแต่ละขนาดคือ ความดัง ก็จะมีกำลังวัตต์ขยาย ต่างกัน และขนาดจำนวนของลำโพง ขอแบ่งตู้แอมป์กีตาร์เป็น 4 ขนาด คือ ใหญ่ กลาง เล็ก จิ๋ว

1-ใหญ่ คือ ดังสนั่น ! 100 วัตต์ขึ้นไป หัวแยก ต่อกับตู้ลำโพง 12" จำนวน 2-4 ดอก ใช้เล่นบนเวทีกลางแจ้ง หรือเวทีใหญ่ๆ ต้องการดังมากก็ใช้หลายๆชุดพ่วงกัน

2-กลางๆ คือ ไม่ดังมาก ขนาด 50-100 วัตต์ ลำโพง 10-12 นิ้ว ติด 1-2 ตัว ต่อตู้ ใช้เล่นที่เล็กลง อย่างร้านอาหาร ผับที่ไม่ใหญ่มาก

3-เล็ก คือ ขนาดเล็ก หิ้วไปมาได้สะดวก! ลำโพงก็ 5-10 นิ้ว กำลังแอมป์วัตต์ก็ 5-15 วัตต์ เหมาะสำหรับเป็นตู้แอมป์ซ้อม ที่บ้านหรือห้องนอน

4-จิ๋ว คือ ตู้แอมป์หูฟังทั้งหลาย ใช้เล่นซ้อม โดยไม่มีเสียงรบกวนคนอื่น หรือดัง แต่แบบเหน็บเอว...

ขนาดระดับใหญ่-กลาง มักจะใช้ปนๆกันอยู่ คือ บางทีเวทีใหญ่นักดนตรีใช้ตู้แอมป์กลางๆ ก็มี อยู่ที่นักดนตรีเล่นดังมั้ย ตู้แอมป์ที่วัตต์มากหากไม่ต้องการดัง ก็เปิดน้อยๆหน่อยก็ได้
 

ตู้แอมป์กีตาร์ที่ดีควรมี?
หากมือกีตาร์ไม่มี Effect ใช้เลย ตู้แอมป์กีตาร์ที่ดีก็คือต้องให้ครบทุกอย่าง แต่หากมือกีตาร์มี Effect เป็นแผงอยู่ตรงพื้นล่ะก็ ตู้แอมป์ chanel เดียวก็เพียงพอ แต่ตู้แอมป์กีตาร์ที่ผลิตมาขายไม่ได้คิดอย่างที่ว่ามา เลยให้มา 2 chanel เป็นส่วนใหญ่ ส่วน Effect ก็มีบ้างไม่มีบ้าง


แล้วตู้แอมป์ที่ให้ครบทุกอย่างเป็นอย่างไร

1-ควรมี 2 Chanel สำหรับเสียงคลีนธรรมดา กับ เสียงแตก Overdrive-Distortion
2-มีปุ่มปรับ Tone ทุ้ม กลาง แหลม ทั้ง 2 Chane
3-มี Master Volume ให้สำหรับบาล้านซ์เสียงทั้ง 2 Chanel
4-มี Effect ให้เพียงพอกับการเล่นทั่วไป คือ Reverb - Delay - Chorus
อื่นๆ ของแถม คือ ช่อง CD IN ,ช่องเสียบหูฟัง, ช่อง Line out ,มีช่อง Loop Effect Send-return, Speaker out สำหรับต่อลำโพงเพิ่ม เพื่อให้ดังขึ้น
 
 
 
 
 
 
 
 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก mxmsound.com 

สนใจ อูคูเลเล่, โวโอลิน, ตู้แอมป์ และเครื่องดนตรีอื่นๆ

ติดต่อได้ที่
บริษัท บราโวมิวสิค จำกัด
เว็บไซต์ : http://www.bravomusic.co.th
ที่อยู่ : 1093/4 ถนนอรุณอมรินทร์ ศิริราช บางกอกน้อย, กรุงเทพ 10700
โทรศัพท์ : (66) 02- 866-1152, (66) 028663251
เบอร์มือถือ: (66) 082-824-6699
แฟ๊กซ์. : (66) 02- 866-0694
อีเมล์ : bravo@bravomusic.co.th

วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

ตู้แอมป์: Two-Rock Amplification

 
ด้วยความคิดสร้างสรรค์อันไม่สิ้นสุด บวกกับแรงปรารถนาแห่งการรังสรรค์อุปกรณ์เครื่องเสียงเพื่อแสดงออกถึงจิต วิญญาณแห่งช่างฝีมือ ที่ทุ่มเทเวลาให้กับการคิดค้น ตู้แอมป์ที่ให้เสียงดีเลิศที่สุด เพื่อสะท้อนถึงความเป็นสุดยอดของงานศิลปะแห่งการให้เสียง Two Rock ผลงานสุดมหัศจรรย์ที่ชูอรรถรสทางเสียง ทุกชิ้นส่วนล้วนเรียงร้อยด้วยมืออย่างพิถีพิถัน ด้วยใส่ใจในทุกรายละเอียด ส่งให้ Two Rock เป็นนวัตกรรมชิ้นเอกทางดนตรีอย่างเต็มภาคภูมิ
K&M Analog Designs
     บริษัท K & M Analog Designs, LLC นั้นได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 โดย มีชื่อเสียงขึ้นมาจาก Two-Rock Amps ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นตู้แอมป์คู่ใจของศิลปินชื่อดังมากมาย อาทิ  John Mayer ,......,.,.,.,.,.,.,       K & M Analog Designs  นั้นก่อตั้งขึ้นโดย  Bill Krinard และ Joe Mloganoski โดยทั้งคู่นั้นต่างมีประวัติทางด้านดนตรี และ อุปกรณ์เครื่องเสียงมาอย่างยาวนาน แต่สิ่งที่ทำให้ท้งคู่ร่วมมือกันก่อตั้งบริษัทก็คือ ความต้องการที่จะสร้างตู้แอมป์กีตาร์ที่ให้เสียงที่ดีที่สุด โดยเริ่มต้นนั้นทั้งคู่ได้ออกตระเวณหา หลอดตู้แอมป์ ที่มีชื่อเสียงแทบจะทุกยี่ห้อ เพื่อฟังและศึกษาจุดเด่นจุดด้อย เพื่อนำมาพัฒนาให้สมบูรณ์แบบนั้นจึงเป็นที่มาของ ซาวด์ กีตาร์ของ Two-Rock Amps 
      Joe Mloganoski  นั้นหลงไหลในเสน่ห์ของเสียงกีตาร์ตั้งแต่วัยเด็ก เมื่ออายุ 18 ปี  เขาใช้เวลาว่างจากการทำงานเพื่อเล่นดนตรีอาชีพในละแวกบ้านทุกวัน  เมื่อฝีมือมีมากขึ้นเขาจึงเริ่มแสวงหาโทนเสียงกีตาร์ที่เขาต้องการโดยเริ่ม จากการเล่นดนตรีที่ย่านดนตรีใน Boston ซึ่งเขาหวังว่าจะได้เจอตู้แอมป์ที่มีโทนเสียงที่เขาต้องการ เขาใช้เวลาอย่างมากเพื่อตามหาโทนเสียงที่ต้องการ ระหว่างนั้นเขาได้เปิดกิจการซ่อมเครื่องไฟฟ้่าโดยระยะเวลา กว่า13 ปีที่เขาทำงานซ่อมเครื่องไฟฟ้านั้นไม่ได้ทำให้เขาลืมความฝันที่ต้องการจะแสวงหาโทนเสียงกีตาร์ที่ดีที่สุดเลย นั้นจึงเป็นเหตุที่ทำให้เขาได้มาเจอและร่วมงานกับ Bill
ที่มา theguitaravenue 
สนใจ อูคูเลเล่, โวโอลิน, ตู้แอมป์ และเครื่องดนตรีอื่นๆ

ติดต่อได้ที่


บริษัท บราโวมิวสิค จำกัด

เว็บไซต์ : http://www.bravomusic.co.th

ที่อยู่ : 1093/4 ถนนอรุณอมรินทร์ ศิริราช บางกอกน้อย, กรุงเทพ 10700
โทรศัพท์ : (66) 02- 866-1152, (66) 028663251
เบอร์มือถือ: (66) 082-824-6699
แฟ๊กซ์. : (66) 02- 866-0694

อีเมล์ : bravo@bravomusic.co.th

ตู้แอมป์: เทคนิคและเคล็ดลับในการตั้งวงดนตรี

การเป็นนักดนตรีไม่ยากถ้าขยันเรียนรู้และฝึกซ้อม แต่การที่จะไปเล่นแจมกับผู้อื่นหรือตั้งวง ก็ยากมาก เพราะต้องใช้เวลาในการฝึกซ้อมร่วมกัน ยิ่งในวงมีสมาชิกหลายคน ก็ยิ่งต้องใช้เวลาในการปรับตัว ทำความเข้าใจ ให้เป็นหนึ่งเดียว ต้องอาศัยการฝึกซ้อมร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่ถึงเวลาต่างคนต่างเล่น นี่เป็นเทคนิคหรือเคล็ดลับในการที่เราจะทำวงดนตรีขึ้นมาสักวงต้องเรียนรู้ ระบบในการเล่น สิ่งเหล่านี้เกิดจากประสบการณ์ของข้าพเจ้าที่มีโอกาสเล่นวงดนตรีมานานกว่า 15 ปี และพร้อมที่จะแบ่งปันให้กับท่านทุกคนได้เรียนรู้
     1. วงดนตรีมักจะมีผู้เล่นเครื่องดนตรีหลักๆ คือ กลองชุด,กีตาร์เบสส์,กีตาร์คอร์ด,กีตาร์โซโล่,คีย์บอร์ด เรียกว่า “วงคอมโบ” หรือปัจจุบันมักเรียกว่า “วงสตริงส์” บางวงอาจมีผู้เล่นเครื่องดนตรีมากกว่านี้ เช่น ไวโอลิน,แซกโซโฟน,ทรัมเปต,เครื่องเคาะจังวะ หรือ เพอร์คัซซัน หรืออื่นๆ ตามแต่ที่วงของเราจะเล่นในแนวไหน และใช้เครื่องดนตรีอะไรมาประกอบ
     2. ผู้เล่นกีตาร์หรือเบสส์มักจะใช้อุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์ต่อพ่วง เพื่อให้เสียงแปลกไปจากเสียงเดิมๆ เรียกว่า “เอฟเฟค” เอฟเฟคมีหลายแบบ หลายเสียง ตามแต่เราจะเลือกที่จะนำมาใช้ เช่น โอเวอร์ไดร์ฟ,ดิสทอร์ชัน,คอรัส,วาว วาว,คอมเพซเซอร์,ซัสเทน หรืออีควอไลเซอร์ เอฟเฟคจะมีทั้งแบบเสียงเดี่ยว และเสียงรวม มีแบบดิจิตัลที่สามารถผสมเสียงและแต่งเสียงตามใจชอบได้ เอฟเฟคมีราคาตั้งแต่พันกว่าบาทขึ้นไปจนถึงหลักหมื่น
    3. ตู้แอมป์สำหรับเครื่องดนตรีควรแยกเฉพาะ เช่น ของกีตาร์ ก็เป็นตู้แอมป์กีตาร์ ของเบสส์ก็เป็นตู้แอมป์เบสส์ ของคีย์บอร์ดก็ต้องเป็นของคีย์บอร์ด ไม่ควรนำมาใช้เรื่อยไป เพราะความแตกต่างของสัญญาณ Input ของเครื่องดนตรีมีความแตกต่างกัน เช่น ถ้าเอาตู้แอมป์เบสส์มาเล่นกับคีย์บอร์ด จะทำให้เสียงคีย์บอร์ดออกมาในโทนเสียง Bass ไม่สดใส หรือเอาตู้แอมป์กีตาร์มาเล่นเบสส์ จะทำให้ตู้แอมป์นั้นพังได้ เพราะสัญญาณ Input เบสส์ จะเป็นเสียงต่ำ ลำโพงก็มีขนาดเล็กกว่า อาจทำให้ลำโพงขาดได้ เป็นต้น
     4. แผงหน้าปัดตู้แอมป์ หรือ เครื่องขยายเสียง จะมีตัวหนังสือภาษาอังกฤษ ซึ่งเราจะต้องเข้าใจ สามารถต่อสายหรือปรับแต่งได้ถูก เพราะถ้าต่อผิดอาจจะทำให้ตู้แอมป์ช็อต หรือพังได้ ซึ่งมีความหมายดังนี้
  • Input = คือสัญญาณที่เข้ามายังตู้แอมป์ เช่น จากเทป,จากเครื่องซีดี,วิทยุ จากปรีแอมป์ (Pre Amp) หรืออีควอไลเซอร์ เป็นต้น ซึ่งสัญญาณจะต้องเป็นเพียงสัญญาณเสียงเท่านั้น
  • Aux = คือสัญญาณที่ต่อเข้า เหมือน Input แต่จะเป็นสัญญาณเสียงจาก เทป หรือ เครื่องเล่นซีดี เป็นต้น
  • Mag = จะเป็นช่องต่อสัญญาณที่มีการขยายวงจรค่อนข้างสูง ใช้กับเครื่องเล่นแผ่นเสียง เราไม่สามรถต่อสัญญาณเสียงจากเทป หรือเครื่องเล่นซีดีเข้าช่องนี้ได้ เพราะสัญญาณจะถูกย้ายให้แรงมาก จนเสียงที่ออกมาแตกพร่า
  • Output = คือสัญญาณออก เช่น Output ของปรีแอมป์จะต่อเข้า Input ของตู้แอมป์ เป็นต้น
  • SP. หรือ SPK หรือ Speaker = คือจุดต่อสายออกไปยังลำโพง บางเครื่องจะมีการต่อไปยังลำโพงหลายแบบ เช่น 8 โอห์ม คือต่อลำโพงที่มีอิมพิแดนซ์ 8 โอห์ม หรือ 4 โอห์ม หรือ 16 โอห์ม (ลำโพงฮอร์น)
  • Vollume = คือปุ่มปรับเร่ง-ลดเสียง
  • Bass = คือปุ่มปรับเพิ่ม-ลดเสียงเบสส์ หรือ โทนเสียงต่ำ
  • Treble = คือปุ่มปรับเพิ่ม-ลดเสียงแหลม
  • Balance = คือปุ่มปรับแยกความสมดุลย์ซ้าย-ขวา ในกรณีที่เป็นแอมป์ระบบสเตอริโอ Sterio
  • Middle หรือ Mid = คือปุ่มปรับเสียงกลาง
  • Hi = คือช่องต่อสัญญาณเข้าให้เสียงค่อนข้างใด หรือแหลมจากปกติ (ส่วนใหญ่พบที่แอมป์กีตาร์หรือเบสส์)
  • Low = คือช่องต่อสัญญาณเข้าให้เสียงต่ำ หรือกรองเสียงแหลม ตรงกันข้ามกับ Hi
  • SW. หรือ Power On-Off = เป็นสวิชท์เปิด-ปิดเครื่อง On คือเปิด Off คือ ปิด
  • Pre out = คือจุดที่จะต้องสัญญาณปรีแอมป์ออกไปยังเครื่องขยายเสียง
  • Pre in = คือจุดที่ต่อสัญญาณเข้า เหมือนกับ Input หรือ Aux
  • LED = คือหลอดไฟที่แสดงให้เห็นว่ามีกระแสไฟเข้ามายังเครื่อง หรือทำงาน
  • VU. = คือหลอดไฟ LED หรือ เข็มมิเตอร์ที่แสดงระดับของสัญญาณ
  • Echo = คือจุดต่อหรือปุ่มปรับเสียงให้ก้อง สะท้อน (ส่วนใหญ่จะใช้ต่อกับไมโครโฟน)
  • Mic = ย่อมาจาก Microphone ก็คือไมโครโฟนที่ใช้สำหรับพูด ที่แอมป์จะมีรูแจ๊คที่ต่อไมค์ มักจะพิมพ์ว่า MIC
  • Boost = คือปุ่มปรับระดับสัญญาณให้แรงขึ้น หรือเพิ่มขึ้น
  • Cut = คือปุ่มปรับระดับสัญญาณให้ลดลง หรือตัดสัญญาณออกไป
  • Level = คือปุ่มปรับระดับสัญญาณ.ให้เท่ากัน หรือมาตรฐาน
  • AC. = คือกระแสไฟฟ้าสลับ หรือไฟบ้าน เช่น AC. 220 V. หรือช่องต่อสายไฟฟ้าไปยังไฟฟ้าบ้าน
  • DC. = คือกระแสไฟฟ้าที่มีขั้วบวก ขั้วลบ เช่นกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี เช่น DC. 12 V. หรือช่องต่อสายไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี หรือ อะแดปเตอร์ (หม้อแปลง)
  • Max. = คือระดับสูงสุด หรือเต็มที่ (maximum)
  • Min. = คือระดับต่ำสุด หรือน้อยสุด (Min กับ Max มักจะเจอตรงปุ่มวอลลุ่มปรับระดับเสียง) (minimum)
  • Phones = คือช่องต่อไปยังหูฟัง หรือออกไปยังแอมป์ที่ Aux
  • AV. In = คือช่องต่อสัญญาณภาพและเสียงเข้ามา (ย่อมาจาก Audio = สัญญาณเสียง Video = สัญญาณภาพ)
  • AV. Out = คือช่องต่อสัญญาณภาพและเสียงออกไปยังเครื่องรับ (เช่น จุดต่อ AV. Out จากเครื่องเล่น VCD ไปยัง
  • AV. In ของโทรทัศน์เพื่อให้มีภาพและเสียง)
  • Line in / Line out = คือจุดต่อเข้าและต่อออก คล้ายๆ Input หรือ Output หรือ AV. In / AV. Out ในกรณีของแอมป์กีตาร์หรือเบสส์ มักจะมีช่อง Line Out ก็คือจะต่อสายแจ๊คจากแอมป์นี้เข้าไปยังเครื่องมิกเซอร์ต่อไป
  • Mixer = คือเครื่องผสมเสียงทั้งหมด หรือรวมเสียงของเครื่องเสียงเครื่องดนตรีที่เล่น ไปยังเครื่องขยายเพื่อออกไปยังลำโพงจุดเดียวกัน (ส่วนใหญ่มักจะใช้กับงานแสดงบนเวที หรือกลางแจ้ง) เครื่องนี้จะต้องมีผู้ควบคุมดูแลที่มีความรู้ ความสามารถเรื่องเครื่องเสียง เพื่อฟังให้เครื่องดนตรีทุกชิ้น หรือเสียงร้อง ออกมาให้สมดุลย์ที่สุด
  • Ch. หรือ Chanel = คือช่องต่อสัญญาณเข้า เช่น CH 1 ก็คือช่องที่ 1 (ส่วนใหญ่จะมีในแอมป์ที่มี Mixer มากๆ) เป็นต้น..
    สนใจ อูคูเลเล่, โวโอลิน, ตู้แอมป์ และเครื่องดนตรีอื่นๆ
    ติดต่อได้ที่
    บริษัท บราโวมิวสิค จำกัด
    เว็บไซต์ : http://www.bravomusic.co.th
    ที่อยู่ : 1093/4 ถนนอรุณอมรินทร์ ศิริราช บางกอกน้อย, กรุงเทพ 10700
    โทรศัพท์ : (66) 02- 866-1152, (66) 028663251
    เบอร์มือถือ: (66) 082-824-6699
    แฟ๊กซ์. : (66) 02- 866-0694
    อีเมล์ : bravo@bravomusic.co.th

วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556

ตู้แอมป์: การเลือกซื้อตู้แอมป์ไฟฟ้า (2)

ในส่วนของวงจรขยายเสียงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญของลักษณะเสียงของกีต้าร์และเสียงตู้แอมป์ด้วย  ชนิดของวงจรขยายเสียงที่นิยมนำเอามาใช้ในตู้แอมป์  ได้แก่ วงจร class A, B,  AB,  D ,  และ H ซึ่งในแต่ละวงจรก็ให้โทนเสียงที่แตกต่างกันเล็กน้อยรวมถึงลักษณะการทำงานของวงจรอีกด้วย  สำหรับการเลือกว่าจะเลือกใช้วงจรขยายเสียงชนิดใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบ ของลักษณะโทนเสียงของผู้ซื้อเองเป็นหลัก
 ปัจจุบันนี้ตู้แอมป์กีต้าร์ส่วนใหญ่มาพร้อมกับลูกเล่นที่สามารถปรับแต่ง เสียงได้ง่ายขึ้นลูกเล่นเหล่านี้เรียกว่า modeling  amps ซึ่งเป็นการทำงานในการประมวลผลแบบดิจิตอลโดยผ่าระบบ DSP ที่ติดตั้งอยู่ในตู้แอมป์กีต้าร์เลย  ความเด่นก็คือ มีการปรับแต่งเสียงต่างๆในลักษณะตู้แอมป์มาจากโรงงานเรียบร้อยแล้ว  ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งเสียงจากตู้แอมป์กีต้าร์ให้เกิดโทนเสียงคล้ายๆกับ ตู้แอมป์กีต้าร์ยี่ห้อดังๆได้อย่างรวดเร็วด้วยการหมุนปุ่มไปตามชื่อที่ปรากฎอยู่เท่านั้น  และยังมาพร้อมกับเอฟเฟคหลายชนิดช่วยให้ไม่ต้องเพิ่มเอฟเฟคภายนอกอีก  การปรับใช้งานก็อยู่บนพื้นฐานที่ง่ายๆผู้ใช้เพียงแค่เลือกลักษณะเสียงที่ คิดว่าใช่แล้วหมุนไปหาก็จะได้เสียงกีต้าร์ตามที่ต้องการแล้ว
ดอกลำโพงก็มีความสำคัญไม่น้อยกว่าวงจรขยายเลย  ดอกลำโพงดีๆให้คุณภาพเสียงที่ดีเห็นๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความดังเสียงไปจนถึงรายละเอียดและมิติเสียง  สิ่งที่ต้องคำนึงถึงอย่างมากก็คือขนาดของดอกลำโพงซึ่งมีผลต่อย่านความถี่ และความอิ่มเอมของโทนเสียง   บ่อยครั้งที่เราไม่สามารถเลือกขนาดของดอกลำโพงได้เพราะดอกลำโพงได้ถูกออกแบบมากับตัวตู้อยู่แล้ว  การเลือกซื้อจึงจำเป็นต้องดูขนาดของดอกลำโพงอีกด้วย   ขนาดของดอกลำโพงที่เล็กมีผลต่อการตอบสนองย่านความถี่โดยตรง ดอกลำโพงขนาดเล็ก  เช่น ขนาด 5 นิ้ว  ย่อมไม่สามารถให้ย่านความถี่ตํ่าออกมาได้ลูกใหญ่เท่ากับดอกลำโพงขนาด 12 นิ้ว  ดังนั้นตู้แอมป์ขนาดเล็กจึงนิยมใช้เพื่อการเล่นที่ไม่ดังมากและเป็นดนตรีแนวแจ๊สหรือฟังเบาๆ   แต่่สำหรับดนตรีที่ให้ความดังเสียงมากๆ เช่น ร็อค ดอกลำโพงขนาด 10 -12 นิ้ว  ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
ยี่ห้อก็เป็นสิ่งสำคัญ  การเลือกซื้อตู้แอมป์กีต้าร์สิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือยี่ห้อของสินค้า  เนื่องจากมีหลายๆบริษัทที่ผลิตตู้แอมป์ออกมาวางจำหน่าย  แต่จะมีไม่กี่บรฺษัทที่มีชื่อเสียงโดยเฉพาะในเรื่องของการผลิตตู้แอมป์กีต้าร์มานาน  ทางเลือกเบื้องต้นให้ทดลองฟังเสียงหลายๆยี่ห้อให้ได้มากที่สุด  เพื่อประกอบแนวทางพิจรณาในการตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อตู้แอมป์ของยี่ห้อใดดี  โดยมากแล้วตู้แอมป์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมกันในหมู่นักเล่นกีต้าร์ มักจะให้โทนเสียงที่นักกีต้าร์ส่วนใหญ่นิยมกัน    หากการเลือกซื้อตู้แอมป์เพื่อไปใช้ในการทำระบบเสียงพยายามเลือกซื้อตู้แอมป์กีต้าร์ยี่ห้อที่คุ้นเคยจะดีที่สุด
ด้านหลังของตู้แอมป์กีต้าร์มักจะมีช่องต่อพ่วงสัญญาณให้เช่น effects  loops  ช่องต่อนี้มีไว้เพื่อต่อพ่วงเครื่องเอฟเฟคจากภายนอกให้เข้ามาสู่วงจรขยายภายในเครื่องได้โดยตรง  เพื่อไว้ใช้ปรับแต่งเสียงเอฟเฟคตามต้องการ  และยังมีลูกเล่นอื่นๆอีก เช่น channel  switch,  reverb  footswitch,  D.I out สำหรับช่องต่อด้นหลังที่น่าสนใจและควรให้ความสำคัญก็คือช่องต่อแบบ D.I ที่ใช้งานได้ดีโดยจะนำสัญญาณแบบ LINE ออกจากตู้แอมป์โดยตรงเข้าสู่เครื่องบันทึกเสียงหรือมิกเซอร์
ที่่มา audiochet.com

สนใจ อูคูเลเล่, โวโอลิน, ตู้แอมป์ และเครื่องดนตรีอื่นๆ
  ติดต่อได้ที่


บริษัท บราโวมิวสิค จำกัด

เว็บไซต์ : http://www.bravomusic.co.th

ที่อยู่ : 1093/4 ถนนอรุณอมรินทร์ ศิริราช บางกอกน้อย, กรุงเทพ 10700
โทรศัพท์ : (66) 02- 866-1152, (66) 028663251
เบอร์มือถือ: (66) 082-824-6699
แฟ๊กซ์. : (66) 02- 866-0694
อีเมล์ : bravo@bravomusic.co.th

ตู้แอมป์: การเลือกซื้อตู้แอมป์ไฟฟ้า (1)

ปัจจุบันนี้มีตู้แอมป์กีต้าร์มากมายหลายยี่ห้อให้เลือกซื้อตั้งแต่ราคาไม่กี่พันบาทไปจนถึงราคาหลักแสน การเลือกซื้อตู้แอมป์ที่ถูกใจซักตู้และสามารถตอบโจทย์การใช้งานจึงเป็นเรื่องที่สำคัญไม่สามารถมองข้ามได้   ดังนั้นเรามาทำความเข้าใจในการเลือกซื้อตู้แอมป์กีต้าร์ไฟฟ้ามาบอกกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ตู้แอมป์กีต้าร์จะแบ่งออกเป็นสองชนิดคือ ตู้แบบ combo หรือ combinations ซึ่งเป็นการรวมกันเป็นชิ้นเดียวกันทั้งหมดระหว่างดอกลำโพงไปจนถึงเครื่อง ขยายเสียงอยู่ในตู้เดียวทั้งหมด  และอีกชนิดคือ headamp ชนิดนี้จะแยกตู้ออกเป็นสองส่วนคือส่วนบนสุดหรือที่เรียกว่าหัวแอมป์ซึ่งเป็น ส่วนของเครื่องขยายเสียงและวงจรปรีแอมป์  ส่วนตู้ลำโพงจะแยกออกมาต่างหากโดยเฉพาะที่เรียกว่า cabinet  และทำการเชื่อมต่อโดยใช้สายลำโพง
การเลือกซื้อว่าตู้ชนิดใดเหมาะสมกับงานของเราก็ให้ดูที่ขนาดของสถานที่ๆจะนำ เอาไปใช้งานเป็นหลัก หากใช้ในงานบันทึกเสียงในสตูดิโอเล็กๆหรือใช้งานกับงานระบบเสียงนอกสถานที่ ซึ่งเป็นวงดนตรีแบบที่ไม่ใช่วงร็อคแต่เป็นวงดนตรีแนวแจ๊ส  แนวป็อบ  หรือใช้ในห้องซ้อมดนตรี  ตู้แอมป์แบบ combo จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด    สำหรับงานที่ต้องการความดังเสียงมากๆโดยเฉพาะงานดนตรีแนวร็อคตู้แบบ headamp พร้อมตู้ลำโพงจะเป็นตู้แอมป์ที่เหมาะกับงานลักษณะนี้มากที่สุด
สำหรับเสียงกีต้าร์ที่ฟังเพราะและได้ธรรมชาติเสียงของกีต้าร์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง  ตู้แอมป์แบบหลอดจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแแต่ราคาก็สูงพอสมควร  ในขณะที่ตู้แอมป์แบบทรานซิสเตอร์จะมีราคาที่ถูกกว่าแต่เสียงจะแข็งกว่าตู้แอมป์ หลอดอยู่พอสมควรการเลือซื้อก็อยู่ที่ความพอใจในเรื่องของโทนเสียงเป็นสำคัญ หากเป็นคนที่เล่นกีต้าร์อยู่แล้วและต้องการซื้อตู้แอมป์มาใช้ส่วนตัวหรือใช้ ในงานบันทึกเสียงในสตูดิโอ ตู้แอมป์แบบหลอดน่าซื้อมากที่สุด  แต่ถ้าเป็นงาน live ซึ่งจะมีการขนย้ายอยู่เป็นประจำตู้แอมป์แบบทรานซิสเตอร์จะให้ความทนทานดี กว่าตู้แอมป์แบบหลอด  อย่างไรก็ตามหากมีงบประมาณมากพอตู้แอมป์แบบหลอดก็ยังเป็นตู้แอมป์ที่ให้เสียงที่น่าฟังอยู่เสมอ...
ที่มา audiochet.com
 
สนใจ อูคูเลเล่, โวโอลิน, ตู้แอมป์ และเครื่องดนตรีอื่นๆ
  ติดต่อได้ที่
บริษัท บราโวมิวสิค จำกัด
เว็บไซต์ : http://www.bravomusic.co.th
ที่อยู่ : 1093/4 ถนนอรุณอมรินทร์ ศิริราช บางกอกน้อย, กรุงเทพ 10700
โทรศัพท์ : (66) 02- 866-1152, (66) 028663251
เบอร์มือถือ: (66) 082-824-6699
แฟ๊กซ์. : (66) 02- 866-0694
อีเมล์ : bravo@bravomusic.co.th

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

ตู้แอมป์: ตู้แอมป์กีต้าร์ไฟฟ้า




หากคิดจะซื้อตู้แอมป์สำหรับเล่นเป็นวง อย่างห้องซ้อม ร้านอาหาร ผับ
ก็ต้องคิดถึงตู้แอมป์ที่ให้ความดังสู้เสียงกลองได้ ต้องตู้แอมป์ขนาด 50-100 วัตต์ ลำโพง 12 นิ้ว 1-2 ดอก ขึ้นไป แบบรูปข้างล่าง เป็นแบบ Combo คือ ตู้แอมป์-ลำโพงอยู่ในตู้เดียวกัน แต่ถ้าจะให้ดีก็เลือก 100 Watt ไว้ก่อนเผื่อไว้ เพราะมือกีตาร์จะชอบเล่นดังเป็นส่วนใหญ่ อาจต้องเร่งจนสุด มีแต่จะต้องบอกให้เบาลง หากเป็นวงร็อค พวกตู้แอมป์ Combo แบบนี้อาจเอาไม่อยู่ ต้องแยกหัวแยกตู้ 12" 4 ดอก จะให้กำแพงเสียงมากกว่า แต่ทั้งหมดอยู่ที่วงเล่นดังหรือเบา หากเป็นวงเล่นเพลงเบาๆ 30 วัตต์อาจจะพอ

ยี่ห้อตู้แอมป์ไหนดี กับความคุ้มค่าราคา 
ตู้แอมป์กีตาร์มีหลายยี่ห้อ ที่เราคัดเลือกมาขายได้แก่ Marshall, Peavey, Kustom, Behringer, Orange, Laney, Artec, Fender, Roland, Lunchbox, Line6 , Nux, ....โอว์ มีหลายยี่ห้อจริงๆครับ แต่ละยี่ห้อก็มีจุดเด่นของมัน อยู่ที่รุ่นและการใช้งาน มาดูรุ่นมาตรฐานกัน
100 Watt ลำโพง 12"x 2 ดอก คือ มาตรฐาน
ส่วน 1 ดอก ก็มีผลิตออกมา เพื่อขนาดตู้แอมป์เล็กลง เคลื่อนย้ายง่าย
แบบ 12" 2 ดอก
รุ่นต่ำสุดของแต่ละยี่ห้อ แบบมวยพอเปรียบกันได้ เมื่อเข้าไปที่ร้านก็จะมีให้เลือกเห็นๆ คือ
Fender Frontman 212R ราคาประมาณ 15,000 บาท 2 Ch. เสียงค่อนข้างแหลม บาดใจ ความดัง 100W มี reverb ให้ แต่เปราะ เสียง่าย !
Laney LX120R Twin ราคาประมาณ 15,000 บาท 100 watt ลำโพงใช้ของ Celstion เสียงหนา สะใจ
Marshall MG102 ราคาประมาณ 23,000 บาท ราคาดุเหมือนกัน แต่มี Effects ให้ครบ คนที่ชอบ Marshall มักไม่เกี่ยงราคา !
Kustom KG100FX212 ตัวตู้แอมป์นี้เด็ดที่ราคาครับ 100 watt ราคา 11600 บาท เท่านั้น 2 Ch. with Effect แล้วยังมีแบบ Stack ให้เลือกอีก
 


แบบ 12" 1 ดอก
Peavey Bandit 112 ตัวตู้แอมป์นี้ 80 Watt เท่านั้น กล้าสู้เขาครับ ราคาก็ 14,000 บาท มี reverb มี Boost คนชอบ Peavey ก็ไม่บ่นหรอก ห้องซ้อมก็ใช้กันเยอะ
Behringer VT100FX ตัวนี้ 100 watt มี Effect ให้ครบครับ 2 Ch. เสียงก็ไม่แพ้ยี่ห้ออื่น ความดังเยี่ยม ราคายอด 11,000 บาท ถ้วน


 
ตู้แอมป์กีตาร์ขนาดเล็ก - จิ๋ว สำหรับซ้อม
ตู้แอมป์ซ้อม ก็ไม่ต้องดัง ขนาด 5-10 Watt ก็พอ ลำโพงก็ 3-8" แค่นี้ก็รบกวนคนอื่นละ หรือดังพอในห้องนอน
มี 2 กลุ่มเลย คือ มี Effects-Modeling Amp และไม่มี Effect มีแค่เสียงแตกแบบพอรับได้
กลุ่ม มี Effect-Modeling Amp ที่ร้านมีของ
Nux-8, NUX15, NUX30 มี Effects ครบ มี Model Amp ให้เลือก
Roland Cube
Vox Mini
กลุ่มเป็นตู้แอมป์อย่างเดียว+เสียงแตกแบบพอรับได้ ไม่มี Effect ที่ร้านมีของ
Ibanez IBZ15GR
Behringer GM108, ตู้แอมป์หลอดขนาดเล็ก Behringer AC108
ARTEC G10, ARTEC G15
Fender 10G
HH studio Lead 10
Marshall MS-2, MG10

เล็กกว่านี้อีก คงต้องเรียก ตู้แอมป์ขยายหูฟัง

สำหรับซ้อม ใส่หูฟัง ไม่อยากให้เสียงดังรบกวนคนอื่น พกพาสะดวก ใช้ถ่าน.... ที่ร้านก็จะมีของ
Vox ampPlug ทั้งหลาย
Nux PG-1 มาพร้อม Effect
Palmer
pocket amp.... 

ที่มา เว็บไซต์ mxmsoundดอทคอม

สนใจ ตู้แอมป์ อูคูเลเล่ ไวโอลิน และเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆ
ติดต่อได้ที่   
บริษัท บราโวมิวสิค จำกัด

เว็บไซต์ : http://www.bravomusic.co.th
ที่อยู่ : 1093/4 ถนนอรุณอมรินทร์ ศิริราช บางกอกน้อย, กรุงเทพ 10700
โทรศัพท์ : (66) 02- 866-1152, (66) 028663251
เบอร์มือถือ: (66) 082-824-6699
แฟ๊กซ์. : (66) 02- 866-0694
อีเมล์ : bravo@bravomusic.co.th

ตู้แอมป์:ตู้แอมป์กีต้าร์ไฟฟ้า



ตู้แอมป์สำหรับกีตาร์ไฟฟ้าก็เกิดมาพร้อมกับกีตาร์ไฟฟ้านั่นแหละ หน้าที่มันคือ ขยายเสียงให้ดัง เท่านั้นแหละครับ แต่มันเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา เพราะเสียงมันดังต่างกัน มีหลายยี่ห้อ หลายขนาด การออกแบบ ความเท่ห์ เพราะศิลปิน ระดับโลกใช้ !!

ขนาดของตู้แอมป์กีตาร์
ก็คือ ตู้แอมป์ที่ออกแบบมาสำหรับกีตาร์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ มีขนาด 2-3 ขนาดแล้วแต่การนำไปใช้งาน ความต่างในแต่ละขนาดคือ ความดัง ก็จะมีกำลังวัตต์ขยาย ต่างกัน และขนาดจำนวนของลำโพง ขอแบ่งตู้แอมป์กีตาร์เป็น 4 ขนาด คือ ใหญ่ กลาง เล็ก จิ๋ว
1-ใหญ่ คือ ดังสนั่น ! 100 วัตต์ขึ้นไป หัวแยก ต่อกับตู้ลำโพง 12" จำนวน 2-4 ดอก ใช้เล่นบนเวทีกลางแจ้ง หรือเวทีใหญ่ๆ ต้องการดังมากก็ใช้หลายๆชุดพ่วงกัน
2-กลางๆ คือ ไม่ดังมาก ขนาด 50-100 วัตต์ ลำโพง 10-12 นิ้ว ติด 1-2 ตัว ต่อตู้ ใช้เล่นที่เล็กลง อย่างร้านอาหาร ผับที่ไม่ใหญ่มาก
3-เล็ก คือ ขนาดเล็ก หิ้วไปมาได้สะดวก! ลำโพงก็ 5-10 นิ้ว กำลังแอมป์วัตต์ก็ 5-15 วัตต์ เหมาะสำหรับเป็นตู้แอมป์ซ้อม ที่บ้านหรือห้องนอน
4-จิ๋ว คือ ตู้แอมป์หูฟังทั้งหลาย ใช้เล่น ซ้อม โดยไม่มีเสียงรบกวนคนอื่น หรือดัง แต่แบบเหน็บเอว...
ขนาดระดับใหญ่-กลาง มักจะใช้ปนๆกันอยู่ คือ บางทีเวทีใหญ่นักดนตรีใช้ตู้แอมป์กลางๆ ก็มี อยู่ที่นักดนตรีเล่นดังมั้ย
ตู้แอมป์ที่วัตต์มากหากไม่ต้องการดัง ก็เปิดน้อยๆหน่อยก็ได้


ตู้แอมป์กีตาร์ที่ดีควรมี
หากมือกีตาร์ไม่มี Effect ใช้เลย ตู้แอมป์กีตาร์ที่ดีก็คือต้องให้ครบทุกอย่าง แต่หากมือกีตาร์มี Effect เป็นแผงอยู่ตรงพื้นล่ะก็ ตู้แอมป์ chanel เดียวก็เพียงพอ แต่ตู้แอมป์กีตาร์ที่ผลิตมาขายไม่ได้คิดอย่างที่ว่ามา เลยให้มา 2 chanel เป็นส่วนใหญ่ ส่วน Effect ก็มีบ้างไม่มีบ้าง แล้วตู้แอมป์ที่ให้ครบทุกอย่างเป็นอย่างไร
1-ควรมี 2 Chanel สำหรับเสียงคลื่นธรรมดา กับ เสียงแตก Overdrive-Distortion
2-มีปุ่มปรับ Tone ทุ้ม กลาง แหลม ทั้ง 2 Chanel
3-มี Master Volume ให้สำหรับบาล้านซ์เสียงทั้ง 2 Chanel
4-มี Effect ให้เพียงพอกับการเล่นทั่วไป คือ Reverb - Delay - Chorus
อื่นๆ ของแถม คือ ช่อง CD IN ,ช่องเสียบหูฟัง, ช่อง Line out ,มีช่อง Loop Effect Send-return, Speaker out สำหรับต่อลำโพงเพิ่ม เพื่อให้ดังขึ้น


ตู้แอมป์กีตาร์แบบหลอด หรือ ทรานซิสเตอร์
ตู้แอมป์ส่วนใหญ่ทั่วไปเป็นตู้แอมป์ Transister ครับ ส่วนใครที่ชอบเสียงของตู้แอมป์หลอด ก็ต้องตู้แอมป์หลอดเลย ราคาก็จะสูงกว่าตู้แอมป์ธรรมดา 2 เท่า

ที่มา เว็บไซต์ mxmsound ดอทคอม

สนใจ ตู้แอมป์ อูคูเลเล่ ไวโอลิน และเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆ

ติดต่อได้ที่   
บริษัท บราโวมิวสิค จำกัด
เว็บไซต์ : http://www.bravomusic.co.th
ที่อยู่ : 1093/4 ถนนอรุณอมรินทร์ ศิริราช บางกอกน้อย, กรุงเทพ 10700
โทรศัพท์ : (66) 02- 866-1152, (66) 028663251
เบอร์มือถือ: (66) 082-824-6699
แฟ๊กซ์. : (66) 02- 866-0694
อีเมล์ : bravo@bravomusic.co.th

วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

ตู้แอมป์: วิธีใช้และบำรุงรักษา

การใช้ตู้แอมป์มันไม่ยากเลย ก่อนเปิดตู้แอมป์ทำตามดังนี้ครับ 

1. ปรับ Grain ของตู้แอมป์ไปที่ 0/Volume ไปที่ 0/Master ไปที่ 0 

2. หลังจากนั้นก็กดเปิดสวิทตู้แอมป์เพื่อใช้งานได้เลยและไม่ควรเร่งเสียงแรงเกินไป เดี๋ยวดอกลำโพงของตู้แอมป์จะเสื่อมง่าย 

3.หลังจากเสร็จการใช้งานให้ปรับ Grain ตู้แอมป์ไปที่ 0/Volume ไปที่ 0/Master ไปที่ 0 เช่นเดิมแล้วค่อยกดสวิทปิด .. และการเสียบสายแจ็คเข้าตู้แอมป์เสียบเบา ๆ มันก็เข้าแล้ว เวลาถอดออกก็เช่นกันจับที่หัวแจ็คและดึงออกเบาๆ มันก็ออกแล้ว ไม่ต้องบ้าพลังหรอกจ้า เดี๋ยวของจะพังอีก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Blog คุณกิตติวัฒน์ สุทธปัญญา